วันพฤหัสบดีที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2559

สวยด้วยธรรมชาติ


สมุนไพรที่สามารถช่วยทำให้เรามีผิวพรรณที่สวยงามและขาวเปล่งปลั่งขึ้น มีอยู่หลายขนาน แต่ที่นิยมมากที่สุดอบ่างหนึ่งก็คือ… “ขมิ้น”

เราสามารถใช้ขมิ้นสด หรือขมิ้นตากแห้งบดเป็นผง นำ


มาใช้เป็นผงพอกและขัดตัว ทิ้งไว้สักครู่ก็อาบน้ำล้างออกตามปกติ ขมิ้นจะช่วยให้เรามีผิวพรรณที่ดูเปล่งปลั่งขึ้น ขาวขึ้น ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและต่อต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวดูขาวขึ้นมีสุขภาพดีขึ้น
และนอกเหนือจากการใช้ขมิ้นผงเปล่าๆ ผสมน้ำแล้ว เรายังสามารถนำเอามาผสมกับสมุนไพรได้อีกหลายตำรับเพื่อให้เกิดผลดีต่อความสวยงามของผิว เช่น…
ขมิ้น น้ำผึ้ง และน้ำมะนาว เพื่อเพิ่มสรรพคุณในการชำระล้าง ผลัดเซลล์ผิวใหม่ และบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นมีสุขภาพดีได้อีกด้วย



ขมิ้น ไพล ว่านนางคำ และดินสอพอง สูตรนี้เราต้องใช้สมุนไพรแห้งบดเป็นผงละเอียด เวลาที่เราจะใช้ให้นำสมุนไพรมาผสมกับดินสอพอง เอาไปละลายน้ำแล้วนำมาขัดตัว อย่างไรก็ตามสูตรนี้เราแนะนำให้ใช้แค่อาทิตย์ละครั้งก็พอ เพื่อที่จะทำให้ผิวขาวขึ้น และมีความนุ่มเนียนได้อีกด้วย
นี่เป็นการใช้สมุนไพรเพื่อทำให้ผิวของเราขาวขึ้นได้ โดยที่ไม่ต้องไปพึ่งการรับประทานยาที่อ้างว่าทำให้ขาวจากการรับประทาน ที่อาจมีผลข้างเคียง หากไม่ใช่ยาที่ผ่านการตรวจรับรองจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ สมุนไพรใช้ทาภายนอกก็ช่วยเราให้มีผิวที่สุขภาพดีและขาวขึ้นได้อย่างเห็นผล !

เวลากินขมิ้นชัน ช่วยป้องกันโรคได้

 เวลากินขมิ้นชัน ช่วยป้องกันโรคได้
     มีการศึกษาพบว่า การรับประทานขมิ้นตามเวลาที่อวัยวะต่างๆกำลังทำงาน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของขมิ้นให้มากขึ้น โดยวิธีกินขมิ้นชันควรรับประทานขมิ้นชันตามเวลาต่อไปนี้ตามการรักษา
     * สมุนไพรขมิ้นเวลา 03.00-05.00 น. ช่วงเวลาของปอด หากรับประทานช่วงเวลานี้จะช่วยในการบำรุงปอดช่วยให้ปอดแข็งแรง ช่วยป้องกันการเป็นมะเร็งปากมดลูก ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ผิวหนัง และช่วยเรื่องภูมิแพ้หายใจไม่สะดวก
     * สมุนไพรขมิ้นเวลา 05.00-07.00 น. ช่วงเวลาของลำไส้ใหญ่ ช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ สำหรับผู้ที่ขับถ่ายไม่เป็นเวลาหรือรับประทานยาถ่ายมานาน หากรับประทานขมิ้นในช่วงนี้จะช่วยฟื้นฟูปลายประสาทของลำไส้ใหญ่ให้บีบรัดตัวเพื่อช่วยให้ขับถ่ายได้อย่างเป็นปกติ ช่วยแก้ปัญหาลำไส้ใหญ่ขับถ่ายน้อยหรือมากจนเกินไป และช่วยป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวารและมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย หากรับประทานพร้อมกับโยเกิร์ต น้ำผึ้งนมสด มะนาว หรือน้ำอุ่น จะช่วยชะล้างผนังลำไส้ให้สะอาดได้
     * สมุนไพรขมิ้นเวลา 07.00-09.00 น. ช่วงเวลาของกระเพาะอาหาร จะช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียดแน่นท้อง และยังช่วยแก้อาการปวดเข่า, ขาตึง, บำรุงสมองป้องกันโรคความจำเสื่อมได้อีกด้วย จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องกระเพาะอาหารที่เกิดจากการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลา และยังลดอาการท้องอืด จุกแน่น, ปวดเข่า, ขาตึง, ช่วยบำรุงสมองและป้องกันความจำเสื่อมได้
     * สมุนไพรขมิ้นเวลา 09.00-11.00 น. ช่วงเวลาของม้าม ช่วยแก้ปัญหาเรื่องน้ำเหลืองเสีย มีแผลบริเวณปาก บรรเทาอาการของโรคเบาหวาน โรคเกาต์ การอ้วนเกินไปหรือผอมเกินไป
     * สมุนไพรขมิ้นเวลา 11.00-13.00 น. ช่วงเวลาของหัวใจ ช่วยบำรุงหัวใจให้มี{สุขภาพ|อนามัย|สุขภาพอนามัย|พลานามัย}แข็งแรง
     *สมุนไพรขมิ้น เวลา 15.00-17.00 น. ช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ ช่วยบำรุงหูรูดกระเพาะปัสสาวะให้แข็งแรง แก้อาการตกขาว และการทำให้เหงื่อออกในช่วงเวลานี้จะช่วยทำให้ร่างกายขับสารพิษออกไปจากร่างกายได้มาก
     * สมุนไพรขมิ้นเวลา 17.00 น. จนถึงเวลาเข้านอน การรับประทานขมิ้นในช่วงนี้จะช่วยทำให้ความจำดีขึ้น เมื่อตื่นนอนจะไม่อ่อนเพลีย การขับถ่ายก็จะดีขึ้นด้วย
     การหาซื้อขมิ้นชันมารับประทานเอง ไม่ว่าจะเป็นแบบผง หรือแบบแคปซูล ควรจะหาซื้อจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐาน มีความสะอาดปลอดสารเคมี ไม่มีสารสเตียรอยด์ปลอมปน และในกระบวนการผลิตนั้นต้องไม่ผ่านความร้อนเกิน 65 องศา เพื่อคงคุณภาพของขมิ้นชันไว้
 
 เคล็ดลับผิวสาวด้วยขมิ้นชัน
1. สูตร ขมิ้นสด (ช่วยให้ผิวเรียบเนียน รักษาสิวอุดตัน สิวอักเสบ)
- นำขมิ้นมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำไปปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
- เสร็จแล้วนำมาปั่นด้วยเครื่องปั่น ใส่กระปุกแช่ในตู้เย็นให้ครบ 1 อาทิตย์
- ใช้คอตตอนบัด จิ้มน้ำขมิ้นแล้วนำมาทาหน้าก่อนล้างหน้า 15 นาที
- ควรใช้ตอนเย็น หรือก่อนนอน เพราะอาจทำให้หน้าเหลือง ต้องล้างประมาณ 2 ครั้งถึงจะออกหมด
2. สูตร ขมิ้นสด / ดินสอพอง / มะนาว (ช่วยให้ผิวหน้าผ่องใสเนียนเรียบ อ่อนเยาว์ สิวยุบเร็ว)
- ใช้ขมิ้นสดเล็กน้อย / ดินสอพอง 3 เม็ด / น้ำมะนาว 1 ผล
- นำขมิ้นมาล้างน้ำให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
- นำขมิ้นที่หั่นแล้วนำมาปั่นรวมกับดินสอพอง และน้ำมะนาวจนละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
- จะได้เนื้อครีมเข้มข้นแล้ว ล้างหน้าให้สะอาดแล้วนำครีมที่ได้มาพอกทิ้งไว้ประมาณ 20 นาทีแล้วล้างออก
- ควรทำเป็นประจำ และสม่ำเสมอสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งจะช่วยให้เห็นผลชัดเจนยิ่งขึ้น
3. สูตร ผงขมิ้น / น้ำมะนาว (ช่วยให้หน้าเนียนใส ช่วยลดอาการบวมแดงจากสิว ช่วยลดสิวและช่วยให้สิวยุบเร็ว)
- นำผงขมิ้นมาผสมกับน้ำมะนาวพอข้น
- นำมาแต้มบริเวณที่เป็นสิวก่อนนอนหรือจะพอกทั่วใบหน้าก็ได้
- ทิ้งไว้ประมาณ 20-30 นาทีแล้วล้างออก (หรือจนกว่าจะรู้สึกว่าแสบก็ให้ล้างออกได้เลย)
4. สูตร ผงขมิ้น / น้ำนม (บำรุงผิวหน้าให้ผ่องใส อ่อนเยาว์ รักษาสิวเสี้ยน กระชับรูขุมขน รักษาแผลสิว)
- นำผงขมิ้นผสมกับน้ำนม ผสมให้เข้ากัน
- ล้างหน้าให้สะอาดแล้วนำขมิ้นที่ได้มาขัดบนผิวหน้าอย่างเบามือจนทั่วใบหน้า
- แล้วพอกทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆ
5. สูตร ผงขมิ้น / น้ำผึ้ง (บำรุงผิวหน้าให้ผ่องใส อ่อนเยาว์ รักษาสิวเสี้ยน กระชับรูขุมขน รักษาแผลสิว)
- นำผงขมิ้นผสมกับน้ำผึ้ง ผสมให้เข้ากัน
- ล้างหน้าให้สะอาด แล้วนำขมิ้นที่ได้มาขัดบนผิวหน้าอย่างเบามือจนทั่วใบหน้า
- แล้วพอกทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่นๆ
6. สูตร ผงขมิ้น / ดินสอพอง (ช่วยฆ่าเชื้อโรค บรรเทาอาการสิว)
- นำดินสอพองมาผสมกับผงขมิ้นแล้วคนให้เข้ากัน
- เสร็จแล้วนำมาแต้มที่หัวสิว
- หากจะนำมาพอกหน้าควรลดปริมาณขมิ้นผงลงจากเดิม
7. สูตร น้ำขมิ้น / นมสด / ดินสอพอง (ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น เปล่งปลั่ง เรียบเนียน ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย แก้อาการผดผื่นคัน)
- การทำน้ำขมิ้นให้นำขมิ้นสดมาล้างให้สะอาด หั่นเป็นแว่นแล้วตำจนแหลก ผสมกับน้ำเล็กน้อย แล้วกรองเอาน้ำด้วยผ้าขาวบาง
- เตรียมวัสถุดิบดังนี้ น้ำขมิ้น 1 ช้อนชา / นมสด 2 ช้อนชา / และดินสอพองสะตุ 5 เม็ดใหญ่
- นำดินสอพองมาบดจนละเอียด แล้วใส่นมสด น้ำขมิ้นผสมลงไปคนให้เข้ากัน
- นำมาพอกหน้าทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
8. สูตร ขมิ้นแห้ง / ว่านนางคำ / ไพล / ดินสอพอง (สูตรบำรุงผิว ลดสิว)
- เตรียมวัตถุดิบดังนี้ ขมิ้นแห้ง 25 กรัม / ว่านนางคำ 200 กรัม / ไพล 50 กรัม / ดินสอพอง 1,000 กรัม
- นำทุกอย่างมาผสมรวมกันแล้วบดให้ละเอียด
- เสร็จแล้วนำมาพอกหน้าหรือผิวตัวประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออกด้วยนำอุ่นและตามด้วยน้ำเย็นสลับกัน
- หากคุณผิวมันควรนำมาผสมกับน้ำมันมะกรูดเผาไฟ แต่ถ้าคุณเป็นคนผิวแห้งควรนำไปผสมกับน้ำผึ้ง หรือนมสด
 ผลการศึกษาวิจัยขมิ้นชัน
     ได้มีการทดลองในผู้ป่วยที่ปวดท้องเนื่องจากมีแผลในกระเพาะอาหาร การ{ทดลอง|ลองดู|ลอง|ลองทำ|ทดสอบ}ผลการรักษาแผลในกระเพาะอาหารในคน โดยการส่องกล้อง พบว่า ขมิ้นชัน{ช่วย|ช่วยเหลือ|สนับสนุน}ให้แผลในกระเพาะอาหารหายได้ดี ผู้ป่วยต้องได้รับขมิ้นชันติดต่อกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์ เช่นเดียวกับยาแผนปัจจุบัน
     แต่ในกรณีของการติดเชื้อ H. pylori พบว่าไม่สามารถฆ่าเชื้อ H. pylori ได้ แต่ก็ยังช่วยรักษาอาการอาหารไม่ย่อย และลดการอักเสบของแผลในกระเพาะอาหาร ลด อาการปวดแสบท้อง
     การรับประทานขมิ้นชันมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่า วิตามินอี 80 เท่า ปัจจุบันจึงนำมาใช้ในโรคที่คาดว่าจะเกิดจากอนุมูลอิสระ อาทิ โรคมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ โรคหัวใจ และหลอดเลือด
 ข้อควรระวัง{ระวัง|จงระวัง|ระแวดระวัง}การใช้ขมิ้นชัน
      การ{รับประทาน|กิน|ทาน}ขมิ้นชันเพื่อการรักษาโรคใดๆ ก็ตาม ถ้าหากเรารู้ว่าเราเป็นโรคอะไร หากรับประทานไปเรื่อยๆ จนโรคนั้นหายไปแล้ว ก็ควรหยุดรับประทาน ถึงแม้ขมิ้นจะมีประโยชน์ก็จริงแต่หากร่างกายได้รับมากเกินความต้องการอาจจะกลายเป็นโทษเสียเอง ขมิ้นชันผลข้างเคียงคืออาการแพ้ เช่น คลื่นไส้ ท้องเสีย ปวดหัว นอนไม่หลับ ดังนั้นหากคุณรับประทานขมิ้นแล้วมีอาการดังกล่าวควรหยุดรับประทานและหายาชนิดอื่นรับประทานแทน และยังมีความเชื่อว่าขมิ้นชัน โทษและข้อเสียของขมิ้นในแถบภาคใต้ว่าการรับประทานขมิ้นที่มากเกินไปและถี่เกินไปนั้นแทนที่จะช่วยป้องกันโรคมะเร็ง แต่อาจจะเป็นมะเร็งเสียเอง


วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2559

“ไพล” สุดยอดสมุนไพรที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างช้านาน

ไพล เป็นสมุนไพรไทยที่ได้รับความนิยมมาก ตำหรับยาส่วนใหญ่จำเป็นต้องมีส่วนผสมของไพลโดยส่วนใหญ่ ทำให้ทราบได้ว่า สรรพคุณและประโยชน์ของไพลมีมากมายเป็นอย่างมาก ในความเชื่อของชาวบ้านทางอีสานบางแห่ง เชื่อว่า การปลูกไพลไว้หน้าบ้านสามารถช่วยป้องกันภูตผีปีศาจไม่ให้เข้ามาใกล้ และป้องกันสิ่งชั่วร้ายได้ ดังนั้น ลองมาดูรายละเอียดว่าประโยชน์ของไพลมีอะไรบ้าง
ไพล หรือ ว่านไพล ภาษาอังกฤษ เรียกว่า Phlai, Cassumunar ginger, Bengal root และมีชื่อเรียกต่างๆ กันตามแต่ละท้องถิ่น เช่น ปูขมิ้น มิ้นสะล่าง (ฉาน, แม่ฮ่องสอน) ว่านไฟ ไพลเหลือง(ภาคกลาง) ปูเลย ปูลอย(ภาคเหนือ) ว่านปอบ(ภาคอีสาน) เป็นต้น ไพล เป็นพืชล้มลุก มีเหง้าใต้ดิน เนื้อมีสีเหลืองหรือเหลืองแกมเขียว ลำต้นขึ้นเป็นกอ ขยายพันธุ์ด้วยเหง้า และเมล็ด ดอกออกเป็นช่อ แทงจากเหง้าใต้ดิน กลีบดอกสีนวลใบประดับสีม่วง
5.2
ช่วยแก้อาเจียน อาการอาเจียนเป็นโลหิต แก้อาการปวดฟัน ช่วยขับโลหิต  รักษาโรคที่เกี่ยวกับโลหิตออกทางปากและจมูก รักษาหอบหืด แก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ท้องขึ้น ท้องเดิน ช่วยขับลมในลำไส้ แก้อาการปวดท้อง ท้องเสีย แก้บิด บิดเป็นมูกเลือด แก้อาการท้องผูก สมานแผลในลำไส้ แก้ลำไส้อักเสบ ขับระดู ประจำเดือนของสตรี ขับเลือดร้ายทั้งหลายและแก้มุตกิดระดูขาว ช่วยทำให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ ช่วยรักษาอาการเคล็ดขัดยอก ฟกช้ำบวม ข้อเท้าแพลง ช่วยลดอาการอักเสบ แก้ปวด บวม เส้นตึง เมื่อยขบ รักษาโรคผิวหนัง รักษาฝี ช่วยดูดหนอง แก้ผดผื่นคัน ใช้ทาเคลือบแผลเพื่อป้องกันอาการติดเชื้อ รักษาโรคเหน็บชา ใช้เป็นยาชาเฉพาะที่ ใช้เป็นยาสมานแผล ช่วยลดการบีบตัวของมดลูกและลำไส้ ช่วยต้านเชื้อราและแบคทีเรีย เชื้อจุลินทรีย์ ช่วยต้านฮิสตามินในผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคหอบหืด สามารถช่วยลดขนาดของตุ่มนูนจากการฉีดน้ำยาฮิสตามินเข้าใต้ผิวหนัง ช่วยให้ผู้ป่วยมีอาการหอบน้อยลงและการทำงานของปอดดีขึ้น ช่วยให้ผิวหนังชุ่มชื้น ช่วยไล่แมลง ฆ่าแมลง ช่วยกันยุง และช่วยไล่ยุง เป็นต้น
Beauty woman hands with health skin on pink background
สรรพคุณของดอก : ช่วยขับโลหิตและกระจายเลือดเสีย กระจายเลือดที่เป็นลิ่มเป็นก้อน
สรรพคุณของต้น : ช่วยแก้ธาตุพิการ ช่วยแก้อุจจาระพิการ
สรรพคุณของใบ : ช่วยแก้ไข้ แก้เมื่อย แก้อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดตามร่างกาย แก้อาการครั่นเนื้อครั่นตัว
สรรพคุณของราก : ช่วยแก้เลือดกำเดาไหล
1.รักษาหอบหืด : ใช้เหง้าแห้ง 5 ส่วน ดีปลี 2 ส่วน พริกไทย 2 ส่วน กานพลู ½ ส่วน พิมเสน ½ ส่วน นำมาบดผสมรวมกันใช้ผงยา 1 ช้อนชา ชงกับน้ำร้อนแล้วรับประทานหรือจะปั้นเป็นยาลูกกลอน ด้วยการใช้น้ำผึ้ง ขนาดเท่าเม็ดพุทรา แล้วรับประทาน ครั้งละ 2 ลูก โดยต้องรับประทานติดต่อกันเรื่อยๆ จนกว่าอาการจะดีขึ้น
5.4
2.ช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ท้องขึ้น ท้องเดิน ช่วยขับลมในลำไส้ : ใช้เหง้านำมาบด เป็นผงแล้วรับประทานครั้งละ 1 ช้อนชา ด้วยการนำมาชงกับน้ำร้อนและผสมเกลือด้วยเล็กน้อย แล้วนำมาดื่ม
3.ช่วยแก้อาการปวดท้อง ท้องเสีย แก้บิด บิดเป็นมูกเลือด : ใช้เหง้าสด 4-5 แว่น นำมาตำให้ละเอียด แล้วคั้นเอาแต่น้ำ เติมเกลือครึ่งช้อนชา แล้วนำมารับประทาน หรือจะฝนกับน้ำปูนใสรับประทานก็ได้
4.ช่วยรักษาอาการเคล็ดขัดยอก ฟกช้ำบวม ข้อเท้าแพลง : นำหัวไพลมาฝน แล้วนำไปทาบริเวณที่ฟกช้ำบวม หรือเคล็ดขัดยอก หรือใช้เหง้าสด 1 แง่ง นำมาฝานเป็นชิ้นบางๆ แล้วต้มรวมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ หรือ นำมาตำให้ละเอียดและผสมเกลือเล็กน้อย นำมาห่อเป็นลูกประคบ แล้วอังไอน้ำให้ความร้อนนำมาใช้ประคบบริเวณที่มีอาการฟกช้ำบวม และบริเวณที่ปวดเมื่อย เช้า-เย็น จนกว่าจะหาย
– ใช้ทำเป็นน้ำมันไพลทาบริเวณที่เป็น ด้วยการใช้ไพล 2 กิโลกรัม นำมาทอดในน้ำมันพืชร้อนๆ 1 กิโลกรัม ให้ทอดจนเหลืองแล้วเอาไพลออก และใส่กานพลูผงประมาณ 4 ช้อนชา และทอดต่อไปด้วยไฟอ่อนๆ ประมาณ 10 นาที เสร็จแล้วนำมากรอรอจนน้ำมันอุ่นๆ และใส่การบูรลงไป 4  ช้อนชา แล้วใสภาชนะปิดให้มิดชิด รอจนเย็นแล้วจึงเขย่าการบูรให้ละลาย แล้วนำน้ำมันไพลมาทาถูนวด วันละ 2 ครั้ง เวลามีอาการปวด เช้า-เย็น
5.5
5.แก้ผดผื่นคัน : ใช้เหง้ามาบดทำเป็นผงผสมกับน้ำ หรือ จะใช้เหง้าสดนำมาล้างให้สะอาดฝนแล้วทาบริเวณที่เป็น
6.ใช้เป็นยาสมานแผล : ใช้เหง้าสด 1 แง่ง (ขนาดเท่าหัวแม่มือ) นำมาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับเกลือและการบูร อย่างละครึ่งช้อนชา แล้วนำมาพอกบริเวณที่เป็นหนอง วันละ 1 ครั้ง
7.ใช้ต้มน้ำอาบสำหรับสตรีหลังคลอด
– ไม่ควรรับประทานจำนวนมากหรือติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากอาจเกิดพิษต่อตับได้ และไม่ควรทานเดี่ยวๆ เป็นระยะเวลานาน ควรมีการขจัดสารที่เป็นพิษต่อตับออกก่อน
– ห้ามทาครีมที่มีส่วนผสมของไพลใกล้ขอบตา เนื้อเยื่ออ่อน หรือผิวหนังที่มีบาดแผล
– สตรีมีครรภ์และสตรีที่อยู่ระหว่างการให้นมบุตรไม่ควรรับประทาน